วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

มารยาทแบบผู้ดีอังกฤษ

English Manners: มารยาทแบบผู้ดีอังกฤษ
สวัสดีค่ะ เรื่องน่ารู้สำหรับ Blog วันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับมารยาทของชาวอังกฤษผู้ขึ้นว่าเป็นผู้ดี มารยาที่ควรทำเมื่อเข้าสังคมหรือใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอังกฤษเป็นอย่างไรนั้น ตามมาอ่านกันเลยค่ะ
1. การเข้าคิว (Stand in the line/Queuing)
การยืนเข้าคิวอย่างอดทน ไม่ว่าจะเป็นการต่อแถวขึ้นรถบัส จ่ายเงินซื้อของ หรือสั่งอาหาร ถือเป็นธรรมเนียมและมารยาทที่ควรทำให้เป็นนิสัยอย่างยิ่งค่ะ คนอังกฤษจะถือเรื่องนี้มาก และการแซงคิวถือเป็นเรื่องร้ายแรงของเขาทีเดียวค่ะ การต่อคิวจัดเป็นมารยาทสากล ไม่เพียงแต่ในประเทศอังกฤษเท่านั้น หากฝึกให้เป็นนิสัยสังคมของเราจะมีระเบียบวินัยและน่าอยู่มากขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ หากไปซื้อของและไม่แน่ใจว่าคนข้างหน้าต่อคิวอยู่หรือเปล่า ถามไปเลยค่ะว่า Are you in the line/queue? ง่ายมากๆเลยใช่ไหมคะ

2. รู้จักกล่าวขอโทษ (Excuse Me, Pardon Me and Sorry)
เราจะได้ยินคำขอโทษออกจากปากชาวอังกฤษบ่อยมากค่ะ แม้ว่าจะไม่เรื่องร้ายแรงก็ตาม เพราะเขาถือว่าเป็นสิ่งสุภาพที่จะกล่าวขอโทษหากสิ่งนั้นที่เขาทำอาจเป็นการรบกวนเราแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น การกล่าวขอโทษเมื่อต้องการขอทางเดินเมื่อมีคนมายืนขวาง การกล่าวขอโทษก่อนเมื่อต้องการสอบถามอะไรบางอย่าง หรือแม้กระทั่งการขอความช่วยเหลือ คำขอโทษสามารถกล่าวได้หลายแบบค่ะ เช่น Sorry, Pardon Me (หรือสั้นๆว่า Pardon) และ Excuse Me ค่ะ หากน้องๆต้องการความช่วยเหลือจากใครก็ตาม หรือเดินชนอย่างไม่ตั้งใจไม่ว่าจะเป็นความผิดของเราหรือไม่ และไม่เฉพาะแต่ชาวอังกฤษเท่านั้น อย่าลังเลที่จะกล่าวขอโทษสั้นๆเป็นใบเบิกทางที่ดีก่อนถามนะคะ สุภาพแบบนี้ ใครจะไม่ช่วยเหลือได้ลงล่ะ จริงไหม?

3. จ่ายเงินทันที (Pay as you go)
ข้อนี้น้องๆบางคนอาจจะงงๆว่ามันหมายความว่าอะไร ที่ประเทศอังกฤษจะมีวลีว่า Pay as you go ค่ะ แปลตรงตัวง่ายๆว่า จ่ายแล้วไปได้ หรือ จ่ายแล้วเอาไป(ซะ) ซึ่งธรรมเนียมจ่ายเงินทันทีนี้ ส่วนมากจะนิยมปฏิบัติกันในผับหรือบาร์เมื่อสั่งเครื่องดื่ม หรือน้องๆอาจจะเจอวลี Pay as you go กับแพ็คเกจค่าโทรศัพท์ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะหมายความว่า แพ็คเกจการจ่ายเงินค่าโทรศัพท์แบบเติมเงินค่ะ แถมให้อีกนิดสำหรับการเติมเงินต่างๆที่ประเทศอังกฤษจะใช้คำว่า Top up ค่ะ ส่วนค่าโทรเรียกว่า Call Balance หรือ Credit ค่ะ
4. กล่าวคำว่า ได้โปรด และ ขอบคุณ (Please and Thank you or Cheers)
ไม่ว่าใครในโลกนี้หากได้ยินคำร้องขออย่างสุภาพว่า ได้โปรด (Please) และ ขอบคุณ (Thank you หรือ Cheers) ก็ต้องรู้สึกดีอยู่แล้วใช่ไหมคะ ที่ประเทศอังกฤษจะต่างจากประเทศไทยตรงที่เมื่อเวลาเราร้องขอหรือต้องการอะไรจากใคร ในประเทศไทยเราแค่ลงท้ายประโยค เช่น ครับ/ค่ะ แต่ที่อังกฤษเค้าไม่ได้มีคำลงท้ายเหมือนเรา ดังนั้นสิ่งที่แทนความสุภาพในการร้องขอมากที่สุดนั่นก็คือคำว่า Please ซึ่งหากจะแปลเป็นไทยแล้วอาจฟังดูไม่คุ้น ขัดเขินและตลก แต่ Advice For You มีทริคให้ค่ะ ให้น้องๆคิดคำว่า Please มีความหมายว่า ครับ/ค่ะ จะทำให้น้องๆพูดติดเป็นนิสัยและสร้างความประทับใจให้ผู้ได้ยินอย่างแน่นอน เช่น Can I have a pint of Coke, please? (ขอโค้กแก้วนึงค่ะ) หรือใช้เมื่อตอบรับบริการหรือข้อเสนอ เช่น Would you like a bag? – Yes, please. (ต้องการรับถุงด้วยหรือเปล่าคะ รับค่ะ) เห็นไหมค่ะ ภาษาอังกฤษห้วนๆก็น่าฟังและสุภาพขึ้นอีกเป็นกองเลย ส่วนคำขอบคุณ เชื่อว่าทุกคนคงรู้จัก Thank you กันดีรู้แล้ว แต่เมื่อได้ไปอังกฤษ เชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยินคำว่า Cheers ผ่านหูบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งไม่ได้มีความหมายว่า เอ้า! ชน เพื่อชนแก้วกันอย่างเดียว แต่ชาวอังกฤษจะนิยมใช้แทนความหมายคำว่าขอบคุณเช่นเดียวกันค่ะ ไม่ว่าจะ Thank you หรือ Cheers สามารถใช้ได้เหมือนกันเพื่อตอบรับไมตรี การบริการ และความช่วยเหลือต่างๆ หากน้องๆที่อยู่ในประเทศอังกฤษ และเดินทางด้วยรถบัส ก่อนลงจากรถลองหันไปกล่าวขอบคุณคนขับรถบัสซักนิดก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใดค่ะ ซึ่งโดยปกติแล้วนั้นถ้าน้องๆไม่หัดพูดคำเหล่านี้ให้เป็นนิสัย อาจโดนมองว่าเป็นคนไม่สุภาพได้ค่ะ
5. ปิดปากเมื่อหาวหรือไอ (Cover you Mouth)
น้องๆเห็นเคยคนที่ไม่เอามือปิดปากเมื่อหาวหรือไอในที่สาธารณะ เป็นภาพที่ไม่น่ามองน่าชมเลยใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นอย่าลืมเอามือปิดปากเสมอเวลาหาวหรือไอ ไม่เช่นนั้นอาจโดนมองด้วยสายตารังเกียจได้ค่ะ เพราะถือว่าไม่มีมารยาทและเป็นการเผยแพร่เชื้อโรคทางหนึ่ง ซึ่งคนอังกฤษเขาถือมากค่ะ
6. จับมือทักทาย Shake Hands
เมื่อแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ หรือบุคคลที่เรายังไม่เคยรู้จักมาก่อน ให้ใช้มือขวาจับกับมือขวาของบุคคลนั้นๆพร้อมกับเขย่าเบาๆอย่างกระชับซักครั้งสองครั้งก็พอค่ะ จำไว้ว่าใช้มือขวาเสมอค่ะ
7. เปิดประตูให้ผู้อื่น (Open/Hold doors for other people)
เมื่อเดินเข้าออกอาคารเป็นคนแรก และมีคนอื่นเดินตามหลังมาในระยะประชิด อย่าลืมเปิดประตูรอคนที่ตามมาค่ะ เพราะการผลักประตูหรือทิ้งประตูใส่คนข้างหลัง ถือเป็นสิ่งที่ไม่สุภาพเอามากๆค่ะ นอกจากนี้การเปิดประตูรอยังเป็นการแสดงความมีน้ำใจเช่นเดียวกันค่ะ
จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ชาวอังกฤษยึดถือเป็นมารยาทที่ควรปฏิบัตินั้น แทบจะไม่ได้แตกต่างจากมารยาทสากลทั่วโลกเลยค่ะ ขึ้นอยู่กับการที่จะฝึกทำให้เป็นนิสัยมากกว่า กริยามารยาทเหล่านี้หากฝึกให้เป็นนิสัยติดตัวแล้ว ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ย่อมเป็นที่ประทับใจแก่ผู้คนที่พบเห็นค่ะ เรื่องน่ารู้ของเกี่ยวกับธรรมเนียมของชาวอังกฤษยังมีอีกมากค่ะ

สุภาษิตไทย-อังกฤษ

สุภาษิต ไทย-อังกฤษ  ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งผู้จัดทำได้รวบรวมไว้ดังนี้
 *It is a rough road that leads to the heights of greatness. 
-หนทางไปสู่ความยิ่งใหญ่ ย่อมต้องฟันฝ่าอุปสรรค
* If you want to throw a stone, every lane will furnish one.  
-โอกาสทำชั่วเกิดขึ้นได้ง่ายทุกเวลา *
 It is better to be envied than pitied.   
-ถูกมองอย่างอิจฉา ดีกว่าถูกมองอย่างสมเพช
* The best fish swims near the bottom.  
-ของดีมีค่าต้องค้นหาจึงจะเจอ
 * It’s harder to conquer one’ own ambitions than it’s to slay a dragon.  
-ฆ่ามังกรยังง่ายกว่าดับตัณหาในตัวเอง
* The used key is always bright. ( Practice makes perfect. )      
-การฝึกฝนอยู่เสมอทำให้เกิดความชำนาญ
*Don’t let the grass grow under your feet.   
-อย่าให้ความเกียจคร้านเป็นอุปสรรคในการทำงาน
* To accomplish great deeds one must have knowledge as well as courage.    
-ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อยู่ที่กำลังใจและปัญญา
*An empty hand is no lure for a hawk.     
-ไม่มีใครได้อะไรโดยไม่ต้องลงทุน
* Hair by hair you will pull out the horse’s tail.     
-ความสำเร็จเกิดขึ้นได้เพราะความเพียร
* To lock the stable door after the horse is stolen.     
-วัวหายจึงล้อมคอก (สายเกินแก้)
* Better to be the head lf a dog than the tail lf a lion.       
-เป็นใหญ่ในที่เล็กดีกว่าเป็นเล็กในที่ใหญ่
* Half a loaf is better than none.   
-แม้มีน้อยด้อยค่ายังดีกว่าไม่มีเลย
* He who hunts two hares leaves one and loses the other. ( No one can do well two things at once. )
-อย่าจับปลาสองมือ อย่าเหยียบเรือสองแคม
* He who would eat the nuts must first crack the shell.
-ผู้ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคจึงจะประสบความสำเร็จ
* Never judge a book by its cover.
-อย่าตัดสินสิ่งใดเพียงภายนอกที่มองเห็น
* Don’t count your chickens before they are hatched.
-อย่าหวังน้ำบ่อหน้า อย่าตั้งความหวังลมๆ แล้งๆ
* People who live in glass houses shouldn’t throw stones.
-อย่าตำหนิคนอื่นเขา ในเมื่อตัวเราก็ไม่ต่างกัน (ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง)
* You can lead a horse to water but you can’t make it drink.
-อย่าข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า (ให้คำแนะนำได้แต่ไม่สามารถบังคับให้ทำตามได้)
* When the cat’s away the mice will play.
- (แมวไม่อยู่ หนูร่าเริง) หน้าไว้หลังหลอก
* A real king is greater than his crown. A real man is more than his clothes.
-ความเป็นคนไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้า ความเป็นราชาไม่ได้อยู่ที่มงกุฎ
* Let a sleeping dog lie.
-อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน อย่าฟื้นฝอยหาตะเข็บ (อย่าหาเรื่องใส่ตัว)
* One swallow doesn’t make a summer.
-อย่าด่วนสรุปความก่อนฟังเหตุผลให้ถ้วนถี่
* A bad workman always blames his tools.
-รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง
* Cross the stream where it is shallowest.
-จงหาวิธีง่ายที่สุดในการแก้ปัญหา
* A bird in hand is worth two in the bush.
-จงพอใจในสิ่งที่มีอยู่
* Don’t cross a bridge until you come to it.
-อย่าตีตนไปก่อนไข้
* Cut your coat according to your cloth.
-นกน้อยทำรังแต่พอตัว
* The proof of the pudding is in the eating.
-ค่าของคนอยู่ผลของงาน
* Don’t make a mountain out of a mole hill.
-อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
*Be not afraid of growing slowly Be afraid only of standing still. ( Chinese Prov. ) -อย่าห่วงเลยถ้าต้องไปอย่างช้าช้า ที่น่ากลัวมากกว่าก็คือหยุดอยู่กับที่
* It takes two to make a quarrel.
-ตบมือข้างเดียวไม่ดัง
* No man is happy who does not think himself so.
-คนที่ปราศจากความสุขก็คือคนที่คิดว่าตัวเองไม่มีความสุข (สุขหรือทุกข์อยู่ที่ใจ)
* It’s never too late to mend.
-ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการแก้ไข้
* One good turn deserves another.
แตงโมเลื้อยไปแตงไทเลื้อยมา
* The harder the storm the sooner it’s over.
-เรื่องใหญ่จบง่ายกว่าเรื่องเล็ก
* A change of pasture makes fat calves.
-ประสบการณ์ใหม่ๆ ทำให้วิสัยทัศน์กว้างไกล
* Advice after mischief is like medicine after death.
-กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้ (สายเกินแก้)
* When the building is about to fall down all the mice desert it.
-เมื่อหมดอำนาจวาสนา คนนำพาก็ลาจาก
* Don’t wash dirty linen in public.
-(อย่าเอาเรื่องในบ้านไปเล่านอกบ้าน) อย่าสาวไส้ให้กากิน
* If you can’t bite better not show your teeth.
-อย่าขู่ใครเขาถ้าเราไม่แน่จริง
* Make hay while the sun shines. ( Tide and time wait for no one. )
-น้ำขึ้นให้รับตัก
* A stitch in time saves nine.
-ตัดไฟแต่ต้นลม
* There is no rose without thorns.
-ไม่มีกุหลาบใดปราศจากหนาม ไม่มีความสำเร็จใดที่ปราศจากอุปสรรค
* Too many cooks spoil the broth.
-มากหมอมากความ
* Every dog has his day.
-วันพระไม่มีหนเดียว (ทุกคนย่อมมีโอกาส)
* Success is a ladder that cannot be climbed with your hands in your pockets. ( American Prov. )
-ความสำเร็จเกิดขึ้นได้เพราะความเพียร
* If you don’t value what you have, you’re sure to lose it.
-กว่าจะรู้ค่าสิ่งที่มีอยู่ก็สายเสียแล้ว
* A man of word not a man of deed is like a garden full of weed.
-ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน (ไม่ใช่ที่คำพูด)
* If you would enjoy the fire you must put up with smoke.
-(ถ้าจะเล่นไฟก็ไม่ควรกลัวควัน) สุขกับทุกข์เป็นของคู่กัน

Auxiliary Verbs



Auxiliary Verbs กริยาช่วย หรือ กริยานุเคราะห์
                                               
คำอ่าน           คำแปล                     รูปปัจจุบัน        รูปอดีต          (รูปช่องที่ 3)
                             Present form   Past form    Past participle form
*be        บี             เป็นอยู่คือ                   is, am, are     was, were    been
*have    แฮฟ          ไม่แปล                      have, has      had             had
*do       ดู              ไม่แปล                      do, does       did              done
can        แคน                   สามารถ           can               could            -
may      เมย์           อาจจะ                      may              might            -
will       วิล             จะ                           will               would            -     
shall     แชล           จะ                           shall             should           -
must      มัส           ต้อง                          must                -                 -
ought to ออท ทู      ควรจะ                      ought to           -                 -
*need    นีด            จำเป็นต้อง                 need                                -
*dare     แดร์          กล้า                          dare                 -                 -
used to   ยูสทึ ทู      เคย                            -                 used to           -

 *เป็นกริยาแท้ได้ด้วย
         

ตัวอย่างประโยค

 

will   จะ                 She will go to bed early tonight.           คืนนี้เขาจะเข้านอนแต่หัวค่ำ

Must  ต้อง               Students must listen to me first.           นักเรียนต้องฟังฉันก่อน   

Must I go with her?                               ฉันต้องไปกับเธอไหม

May   อาจจะ           I may come late.                                  ฉันอาจจะมาสาย

Can   สามารถ          Can you help me?                               คุณช่วยเหลือฉันหน่อยได้ไหม

Ought to    ควรจะ   Children ought to go to bed early.        เด็กๆ ควรจะเข้านอนแต่หัวค่ำ

She ought not to smoke in class.          เขาไม่ควรจะสูบบุหรี่ในห้องเรียน

*Need          จำเป็นต้อง      Need we see you off?                 พวกเราจำเป็นต้องไปส่งคุณไหม

*Dare   กล้า             I daren’t tell the truth.                         ฉันไม่กล้าบอกความจริง

Shall   จะ               We shall study again next week.          

                            พวกเราจะเรียนกันอีกครั้งสัปดาห์หน้า

Should  จะ (ควรจะ) You should teach slowly.                     คุณควรจะสอนช้า ๆ

Could  สามารถ       She could  read English at the age of five.
 
                             เขาสามารถอ่านภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ

Used to    เคย         We used to swim everyday when we were children.

                             พวกเราเคยว่ายน้ำทุกวันเมื่อตอนพวกเราเป็นเด็ก

               หน้าที่ของกริยาช่วย

ทำหน้าที่เป็นส่วนสมบูรณ์ของประโยค (ทำให้ประโยคมีความหมายที่สมบูรณ์ ถูกต้องตาม

หลักไวยากรณ์)   
  
She is a very beautiful girl.                              เขาเป็นเด็กที่สวยมากคนหนึ่ง 

Where are you now?                                     ตอนนี้คุณอยู่ไหน       

I am an English student.                                 ฉันเป็นนักศึกษาภาษาอังกฤษคนหนึ่ง

ช่วยในประโยคปัจจุบันกาลกำลังกระทำ (S + is, am, are + v.1 ing)

บอกเล่า         She is cleaning the house.          เขากำลังทำความสะอาดบ้าน

คำถาม           Is she cleaning the house?         เขากำลังทำความสะอาดบ้านหรือ

ปฏิเสธ           She is not cleaning the house?   เขาไม่ได้กำลังทำความสะอาดบ้าน

ช่วยในประโยคอดีตกาลกำลังกระทำ (S + was, were + v.1 ing)

She was working at nine o’clock yesterday.       เมื่อวานตอน 9 โมง เขากำลังทำงาน

Was she  working at nine o’clock yesterday?     เมื่อวานตอน 9 โมง เขากำลังทำงานอยู่

หรือ

She was not working at nine o’clock yesterday. เมื่อวานตอน 9 โมง เขาไม่ได้กำลังทำงาน

ช่วยในประโยค Passive Voice (S + is, am, are, was, were + V.3) หรือประโยคที่ประธานถูกกระทำ

นั่นเอง

He is called Mr. Brown                                   เขาถูกเรียกว่า นายบราวน์

I was born in Surin.                                        ฉันเกิดในจังหวัดสุรินทร์

NESC center is located beside the river           ศูนย์ NESC (ถูก) ตั้งอยู่ข้างแม่น้ำ

All students are punished by a teacher.          นักเรียนทั้งหมดถูกตีโดยครู

ช่วยในประโยค Present Perfect Tense  (S + has, have +V.3)

She has stayed in Bangkok for 3 years.  เขาได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นเวลา 3  ปีแล้ว

Monks have taugh Dhamma since 9 o’clock.   พระได้สอนธรรมะตั้งแต่เวลา 9 นาฬิกา

ช่วยในประโยค Past Perfect Tense   (S+ had + v.3)

You had spoken all the time.                         คุณได้พูดตลอดเวลา

ช่วยในประโยคที่มีกริยาแสดงความรู้สึกอยู่ด้วย  (be + interested………….)

They are interested in English conversation.             

พวกเขาสนใจในการสนทนาภาษาอังกฤษ

I was excited very much.                                ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากๆ

การทำประโยคคำถามและปฏิเสธ

ถ้าในประโยคนั้น   มีกริยาช่วยอยู่ สามารถตั้งคำถามได้เลย โดยวางกริยาช่วยไว้ข้างหน้าประโยค 
และทำเป็นประโยคปฏิเสธ  โดยการเติม  not  ไว้หลังกริยาช่วย  เช่น   
                                         
บอกเล่า                   He has lived in Bangkok.             เขาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ

คำถาม                    Has he lived in Bangkok?             เขาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ หรือ

ปฏิเสธ                     He has not lived in Bangkok.       เขาไม่ได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ

บอกเล่า                   You had spoken all the time.     คุณได้พูดตลอดเวลา

คำถาม          Had you spoken all the time?               คุณได้พูดตลอดเวลาหรือ

ปฏิเสธ           You had not spoken all the time.         คุณไม่ได้พูดตลอดเวลา

บอกเล่า         They are interested in English.               พวกเขาสนใจในภาษาอังกฤษ

คำถาม          Are they interested in English?              พวกเขาสนใจในภาษาอังกฤษหรือ

ปฏิเสธ           They are not interested in English.        พวกเขาไม่ได้สนใจในภาษาอังกฤษ

บอกเล่า         You can speak English.                         คุณสามารถพูดภาษาอังกฤษได้

คำถาม          Can you speak English?                        คุณสามารถพูดภาษาอังกฤษได้หรือ

ปฏิเสธ           I cannot speak English.                         ฉันไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้

บอกเล่า         Linda will have a party.                         ลินดาจะมีงานเลี้ยง

คำถาม          Will Linda have a party?                        ลินดาจะมีงานเลี้ยงหรือ

ปฏิเสธ           Linda will not have a party.                  ลินดาจะไม่มีงานเลี้ยง

บอกเล่า         They may go dancing tonight.               คืนนี้ พวกเขาอาจจะไปเต้นรำ

คำถาม          May they go dancing tonight?               คืนนี้ พวกเขาอาจจะไปเต้นรำหรือ

ปฏิเสธ           They may not go dancing tonight.        คืนนี้ พวกเขาอาจจะไม่ไปเต้นรำ

แต่ ถ้าในประโยคนั้นไม่มีกริยาช่วยอยู่  มีแต่กริยาแท้ (Finite verb/ไฟไนท์ เวิร์บ)  เช่น

want        ต้องการ         drink            ดื่ม                 do                         ทำ     
     
speak       พูด               practice       ฝึกฝน             understand             เข้าใจ

teach        สอน             watch         เฝ้าดู               cry                         ร้องไห้

sleep        นอน            swim           ว่ายน้ำ             take                       นำไป 

bring         นำมา           help            ช่วย                make                     ทำ สร้าง 

eat           กิน               have            มี กิน ได้รับ สูบ (บุหรี่)

ให้ใช้กริยาช่วย do does  did  มาช่วยในการตั้ง เป็นประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธ   

โดยมีหลักดังนี้

ประโยคปัจจุบันกาล (Present Simple Tense) ประธานเอกพจน์ ให้ใช้  Does เช่น

บอกเล่า         He comes from England.                    เขามาจากประเทศอังกฤษ

 

คำถาม          Does he come from England?             เขามาจากประเทศอังกฤษหรือ

 

ปฏิเสธ           He does not come from England.         เขาไม่ได้มาจากประเทศอังกฤษ

บอกเล่า         Niramol has a car.                                นิรมลมีรถ

คำถาม          Does Niramol have a car?                     นิรมลมีรถหรือ

ปฏิเสธ           Niramol does not have a car.               นิรมลไม่มีรถ

บอกเล่า         Toop eats fried chicken.                       ไอ้ตูบกินไก่ทอด

คำถาม          Does Toop eat fried chicken?                ไอ้ตูบกินไก่ทอดหรือ

ปฏิเสธ           Toop does not eat fried chicken.          ไอ้ตูบไม่ได้กินไก่ทอด

ประธานพหูพจน์ ให้ใช้  Do เช่น      
 
บอกเล่า         We work on Saturday.                          พวกเราทำงานในวันเสาร์

คำถาม          Do we work on Saturday?                     พวกเราทำงานในวันเสาร์หรือ

ปฏิเสธ           We do not work on Saturday.               พวกเราไม่ทำงานในวันเสาร์

บอกเล่า         You understand English.                       คุณเข้าใจภาษาอังกฤษ

คำถาม          Do you understand English?                  คุณเข้าใจภาษาอังกฤษไหม

ปฏิเสธ           You do not understand English.            คุณเข้าไม่ใจภาษาอังกฤษ

บอกเล่า         They have dinner at home.                   พวกเขาทานข้าวเย็นที่บ้าน

คำถาม          Do they have dinner at home?              พวกเขาทานข้าวเย็นที่บ้านหรือ

ปฏิเสธ           They do not have dinner at home.        พวกเขาไม่ทานข้าวเย็นที่บ้าน

บอกเล่า         Sri and Sa do homework.                      ศรีและษาทำการบ้าน

คำถาม          Do Sri and Sa do homework.?                ศรีและษาทำการบ้านไหม

ปฏิเสธ           Sri and Sa do not do homework.           ศรีและษาไม่ทำการบ้าน

บอกเล่า         Students study English words.              นักเรียนท่องศัพท์ภาษาอังกฤษ  

คำถาม          Do students study English words?         นักเรียนท่องศัพท์ภาษาอังฤษษไหม

ปฏิเสธ           Students do not study  English words.  นักเรียนไม่ต้องศัพท์ภาษาอังกฤษ

ประโยคอดีตกาล (Past Simple Tense) ไม่ว่าประธานจะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์  ให้ใช้  Did เท่านั้น 

     
บอกเล่า         You worked late last night.                   เมื่อคืนที่ผ่านมาคุณได้ทำงานดึก

คำถาม          Did you work late last night?                เมื่อคืนที่ผ่านมาคุณได้ทำงานดึกหรือ

ปฏิเสธ           You did not work late last night.           เมื่อคืนที่ผ่านมาคุณไม่ได้ทำงานดึก

บอกเล่า         He/She studied hard.                           เขาเรียนหนัก

คำถาม          Did he/she study hard?                        เขาเรียนหนักหรือ

ปฏิเสธ           He/She did not study hard.                  เขาไม่ได้เรียนหนัก

บอกเล่า         They wanted to smoke.                        พวกเขาได้ต้องการที่จะสูบหรี่

คำถาม          Did they want to smoke?                     พวกเขาได้ต้องการที่จะสูบบุหรี่หรือ

ปฏิเสธ           They did not want to smoke.               พวกเขาไม่ได้ต้องการที่จะสูบบุหรี่

บอกเล่า         She played a card last night.                 เมื่อคืนเขาเล่นไพ่

คำถาม          Did she play a card last night?              เมื่อคืนเขาเล่นไพ่หรือ 

ปฏิเสธ           She did not play a card last night.         เมื่อคืนเขาไม่ได้เล่นไพ่

บอกเล่า         The teacher  taught English.                  ครูได้สอนภาษาอังกฤษ

คำถาม          Did the teacher teach English?              ครูได้สอนภาษาอังกฤษหรือ

ปฏิเสธ           The teacher did not teach  English.       ครูไม่ได้สอนภาษาอังกฤษ

บอกเล่า         You went to the Café last week.           เมื่อสัปดาห์ที่แล้วคุณได้ไปคาเฟ่

คำถาม          Did  you  go to the Café last week?      เมื่อสัปดาห์ที่แล้วคุณได้ไปคาเฟ่หรือ

ปฏิเสธ           You did not go to the Café last week.   เมื่อสัปดาห์ที่แล้วคุณไม่ได้ไปคาเฟ่

บอกเล่า         Suda enjoyed speaking English yesterday.    

เมื่อวานนี้ สุดาสนุกกับการพูดภาษาอังกฤษ

คำถาม          Did Suda enjoy speaking English yesterday?  

เมื่อวานนี้ สุดาสนุกกับการพูดภาษาอังกฤษหรือเปล่า

ปฏิเสธ           Suda did not enjoy speaking English yesterday.

เมื่อวานนี้ สุดาไม่ได้สนุกกับการพูดภาษาอังกฤษ

 **ถ้า Need เป็นกริยาแท้  จะแปลว่า ต้องการ   และ  Dare จะแปลว่า กล้า, ท้า เผชิญ  เช่น

          He needs a rest for a moment.                      เขาต้องการการพักผ่อนสักครู่หนึ่ง 
  
She dares to walk alone after midnight.          เขากล้าเดินคนเดียวหลังเที่ยงคืน

They need to study English again.               พวกเขาต้องการที่จะเรียนภาษาอังกฤษอีกครั้ง


และให้ใช้  do does did มาช่วยทำประโยคคำถามและปฏิเสธ เหมือน finite verb ทั่วไป เช่น

บอกเล่า         They need drinking-water.                              พวกเขาต้องการน้ำดื่ม

คำถาม          Do they need drinking-water?                          พวกเขาต้องการน้ำดื่มหรือ

ปฏิเสธ           They do not need drinking-water.                   พวกเขาไม่ต้องการน้ำดื่ม

บอกเล่า         She needs to go now.                                    เขาต้องการไปเดี๋ยวนี้

คำถาม          Does she need to go now?                             เขาต้องการไปเดี๋ยวนี้หรือ

ปฏิเสธ           She does not need to go now.                       เขาไม่ต้องการไปเดี๋ยวนี้

บอกเล่า         The African needed food.                               ชาวแอฟริกันต้องการอาหาร

คำถาม          Did the African need food?                             ชาวแอฟริกันต้องการอาหารหรือ

ปฏิเสธ           The African did not need food.                       ชาวแอฟริกันไม่ต้องการอาหาร

บอกเล่า         The students dare me to jump.                      นักเรียนท้าฉันให้กระโดด

คำถาม          Do the students dare me to jump?                  นักเรียนท้าฉันให้กระโดดหรือ

ปฏิเสธ           The students do not dare me to jump.           นักเรียนไม่ท้าฉันให้กระโดด

บอกเล่า         He dared to tell me the truth.                         เขากล้าบอกความจริงแก่ฉัน

คำถาม          Did he dare to tell me the truth?                     เขากล้าบอกความจริงแก่ฉันหรือ

ปฏิเสธ           He did not dare to tell me the truth.               เขาไม่กล้าบอกความจริงแก่ฉัน

บอกเล่า         Nong dares to face the life problem alone.    

หน่อง กล้าเผชิญปัญหาชีวิตเพียงลำพัง

คำถาม          Does Nong dare to face the life problem alone?

หน่องกล้าเผชิญปัญหาชีวิตเพียงลำพังไหม

ปฎิเสธ           Nong doesn’t dare to face the life problem alone.

หน่อง ไม่กล้าเผชิญปัญหาชีวิตเพียงลำพัง

*ถ้า Have  เป็นกริยาแท้  จะแปลว่า มี,  ดื่ม,  กิน,  สูบ (บุหรี่),  ได้รับ, ให้ใช้ do does did 

มาช่วยในการตั้งคำถามและปฏิเสธ  เช่น          
                         
บอกเล่า         He has a party today.                           เขามีงานเลี้ยงในวันนี้  

คำถาม          Does he have a party today?                เขามีงานเลี้ยงหรือในวันนี้

ปฏิเสธ           He does not have a party today.          เขาไม่มีการงานเลี้ยงในวันนี้

บอกเล่า         You often have a cigarette.                   คุณสูบหรี่บ่อยๆ       
 
คำถาม          Do you often have a cigarette?              คุณสูบบุหรี่บ่อยๆ หรือ

ปฏิเสธ           You do not often have a cigarette.        คุณไม่ได้สูบบุหรี่บ่อยๆ

บอกเล่า         They had breakfast.                              พวกเขาทานข้าวเช้าแล้ว

คำถาม          Did they have breakfast?                       พวกเขาทานข้าวเช้าแล้วหรือ
ปฏิเสธ           They didn’t have breakfast.                  พวกเขาไม่ได้ทานข้าวเช้า

แบบฝึกหัด      จงทำเป็นประโยคบอกเล่าที่ให้ไว้ เป็นประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธ ตัวอย่างเช่น      
Your students can speak English. 
คำถาม           =   Can your students speak English?            
ปฏิเสธ            =   Your students cannot speak English.

จงทำเป็นประโยคคำถามและปฏิเสธ

She is an English student.

……………………………………………………………………………………………………………………………

I am a bad boy.

……………………………………………………………………………………………………………………………

You are good man.

……………………………………………………………………………………………………………………………

She can swim.

……………………………………………………………………………………………………………………………

They can speak English.

……………………………………………………………………………………………………………………………

You will go to study Japanese.

……………………………………………………………………………………………………………………………

He will come to my party.

……………………………………………………………………………………………………………………………

Wanpen may get her e mail this evening.

……………………………………………………………………………………………………………………………

We may go with you.

……………………………………………………………………………………………………………………………

She dare tell the truth.

……………………………………………………………………………………………………………………………

You must listent to him.

……………………………………………………………………………………………………………………………

He has lost the way for hours.

……………………………………………………………………………………………………………………………

They have stayed in BKK for 2 years.

……………………………………………………………………………………………………………………………

She comes from Bangkok.

……………………………………………………………………………………………………………………………

He buys two shirts.

……………………………………………………………………………………………………………………………

Students understand English well.

……………………………………………………………………………………………………………………………

They speak well too.

……………………………………………………………………………………………………………………………

She studied English with you last course.

……………………………………………………………………………………………………………………………

Mother worked hard.

……………………………………………………………………………………………………………………………